ถ้าจะพูดถึง “ร้อยให้ตึง ดึงให้ยก” หลายๆคนคงคาดเดาไม่ยากว่าเราจะพูดถึงเกี่ยวกับ “ร้อยไหม” ซึ่งถ้ากล่าวถึงปัจจุบันมีหลายประเภทด้วยกัน จึงจำแนกมาให้พวกเราได้รู้ ก่อนที่ตัดสินใจเลือกว่าชนิดไหนเข้ากับพวกเรากันดีกว่าค่ะ

⚡ ไหม Aptos threads หรือ Feather-Lift ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยม เพราะเป็นไหมชนิดที่ไม่ละลาย มักเกิดปัญหาเมื่อใช้ไประยะนานๆ ตัวก้างปลามักจะหัก ทำให้ผิวหน้าที่ตึงกระชับกลับมาหย่อนคล้อย หรืออาจมีแง่งไหมโผล่ออกจากผิว

⚡ ไหมทอง หรือ Gold Thread เป็นการนำไหมที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ขนาดประมาณเส้นผม ร้อยเป็นลักษณะโครงตาข่ายในชั้นผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและผังผืดใต้ชั้นผิวได้ดี  แต่ข้อจำกัดของการร้อยไหมทองคือ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และหลังการทำจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์บางตัว เพราะอาจทำให้ไหมเกิดการขาดได้ อีกทั้งไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้โลหะ สำหรับผู้ที่ต้องเข้าเครื่องสแกนเอ็มอาร์ไอ (MRI) ก็ไม่สามารถเข้าทำได้เช่นกัน เพราะไหมทองจะเกิดความร้อน สั่นสะเทือน อาจทำให้ผิวบริเวณร้อยไหมเกิดการไหม้ ใบหน้าผิดรูปได้

⚡ ไหม PDO (Polydioxanone) หรือไหมละลาย ต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลี สามารถละลายได้เองภายใน 6-8 เดือน ช่วยกระชับผิวได้ 2-3 ปี ไม่เหลือตกค้างให้เกิดผลข้างเคียงภายหลัง ไหมละลายถือว่าเป็นไหมที่ใช้ในการเย็บ กล้ามเนื้อหัวใจ และหลอดเลือด ดังนั้นโอกาสแพ้แทบไม่มีเลย การร้อยไหมชนิดนี้ ราคาจะถูก เห็นผลหลังทำทันที่ 20 – 30% จากนั้นต้องรอ 6 – 8 สัปดาห์ เพื่อเห็นผลเต็มที่ หากร้อยไหมเสร็จไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ถ้ามีรอยช้ำสามารถแต่งหน้าเพื่อปกปิดได้เลย สำหรับไหม PDO จำแนกแบ่งได้อีก 2 ประเภทคือ

     ? ไหมชนิดไม่มีเงี่ยง (Non-Barbed Thread) มักใช้เส้นไหมขนาดความยาวตั้งแต่ 30-60 มิลลิเมตร จำนวนตั้งแต่ 20 ถึงกว่าร้อยเส้นสอดเข้าไปในผิวหนังเทคนิคการร้อยไหมชนิดนี้จะสอดไหมในระนาบแนวความลึกของชั้นหนังแท้ ซึ่งการสอดไหมให้อยู่ในระนาบนี้ต้องอาศัยทักษะความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์
     ? ไหมชนิดมีเงี่ยง (Barbed Thread)  การร้อยไหมชนิดมีเงี่ยงมักใช้จำนวนไหมเพียง 2-10 เส้นสอดเข้าบริเวณผิวหนังที่ต้องการยกกระชับ เทคนิคการร้อยจะสอดไหมในความลึกระดับชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และเงี่ยงบนเส้นไหมจะใช้ในการพยุงชั้นไขมันและผิวหนังชั้นลึก จึงเกิดการยกกระชับเปลี่ยนรูปหน้าได้ชัดเจนทันที

⚡ ไหม PGA (Polyglycolic Acid) เป็นไหมละลายได้อีกชนิดหนึ่ง  แต่ระยะเวลาจะนานกว่าไหม PDO คือ 8-10 เดือน ที่นิยมกันอยู่ในปัจจุบัน คือ “ไหมกรวย” (Silhouette soft) เทคนิคการร้อยใกล้เคียงกับไหมชนิดมีเงี่ยง คือร้อยในชั้นไขมันและผิวหนังชั้นลึก โดยใช้ตัวโคนเป็นตัวพยุงผิวและชั้นไขมันแทน จึงทำให้ผิวหน้ากระชับได้รูปเห็นผลได้ชัดเจน มักใช้จำนวนเส้นไหม 2-8 เส้น ขึ้นกับบริเวณที่ต้องการยกกระชับ เนื่องจากตัวโคนละลายช้า ในคนไข้บางรายที่ผิวบาง อาจคลำตัวโคนได้ในผิวลึกๆ

   รู้ถึงประโยชน์ข้อจำกัดของไหมแต่ละชนิดแล้ว ลองเลือกดูให้เข้ากับข้อจำกัดของตัวเอง แต่ที่สำคัญต้องเลือกคลินิกที่ไว้ใจได้เป็นสำคัญนะค่ะ