อากาศเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว หลายๆคนคงมีวิธีที่จะสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายด้วยวิธีการต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย สวมเสื้อผ้าหนาๆ รับประทานอาหาร เครื่องดื่มอุ่นๆ หรือแม้กระทั่งการออกไปรับไอแดดจากดวงอาทิตย์ ซึ่งหากเป็นการกระทำอย่างหลัง แม้ว่าจะสามารถช่วยบรรเทาความหนาวเหน็บได้ก็จริง แต่ก็อาจทำให้เราได้รับของแถมที่เราไม่ได้เชื้อเชิญตามมาได้ด้วย

     แสงแดดมีทั้งคุณและโทษอยู่ในตัวมันเอง หากคนเราประมาทแทนที่จะสามารถนำเอาคุณประโยชน์จากแสงแดดมาใช้ ก็จะกลายเป็นการได้รับภัยจากรังสียูวีที่มาจากแสงแดดไปเสียเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันยังมีคนจำนวนมากที่มีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการป้องกันแสงแดด โดยเฉพาะในหน้าหนาวที่อากาศจะค่อนข้างแห้งมากกว่าฤดูไหนๆ ทำให้ผิวมีความอ่อนแอ ไวต่อแสงแดด และเกิดผลเสียได้ง่ายมากกว่า

     การที่อากาศมีอุณหภูมิลดลง ความชื้นลดลง ย่อมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังมนุษย์ตามไปด้วย สภาวะอากาศเช่นนี้จึงส่งผลให้เกิดผิวแห้งแตกได้ง่าย การดูแลผิวหน้าในหน้าหนาวนอกจากการดูแลผิวให้ชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ชนิดเข้มข้นแล้ว จะต้องไม่ละเลยการปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดประเภทที่สามารถปกป้องไม่ให้รังสียูวีที่แสนอันตรายทะลวงเข้ามาทำลายผิวของเราได้ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับแสงแดดให้ถึงห้วงลึกดีกว่าค่ะ
   

     แสงแดดที่ตกถึงโลกจะมีรังสีแสงแดดที่มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 290-760 นาโนเมตร แบ่งเป็น 3 ช่วงใหญ่ ๆ คือ

1. ช่วงคลื่นระหว่าง 290-320 เรียกว่า รังสียูวีบี (UVB)
2. ช่วงคลื่น 320-400 นาโนเมตร เรียก รังสียูวีเอ(UVA)
3. ช่วงคลื่น 400-760 นาโนเมตร เป็นรังสีที่มองเห็นด้วยตาเปล่า (Visible Radiation)

     ซึ่งรังสีจากแสงแดดที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีหรือฟิสิกส์กับสารเคมีในผิวหนัง ก็คือ รังสีแสงยูวีเอและยูวีบี โดยหากเป็นอากาศในหน้าหนาว รังสียูวีบีจะไม่ค่อยมีผลรุนแรงต่อผิวของเราจนเกิดรอยไหม้ให้เห็นได้มากเท่ากับหน้าร้อน อย่างไรก็ตาม รังสียูวีเอยังคงมีผลทำลายผิวหนังของเราได้ดีเท่าเดิม และมีฤทธิ์ทะลุทะลวงลึกถึงชั้นหนังแท้ได้ไม่น้อยไปกว่าอากาศในหน้าไหนๆเลย

     ดังนั้น การที่จะป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้ จึงจำเป็นจะต้องเลือกหาครีมกันแดดที่สามารถป้องกันช่วงความยาวคลื่นของรังสีจากแสงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะได้มีผิวที่ไม่แห้ง สุขภาพดีในหน้าหนาวนี้กันค่ะ